วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รู้จักเจ้าเหมียว






คุณรู้หรือไม่ว่า "แมว" ถือกำเนิดขึ้นบนโลกมากว่า 50 ล้านปีมาแล้ว แรกเริ่มนั้นแมวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและกินเนื้อเป็นอาหาร เนื่องจากต้นตระกูลแมวมาจากเสือไซบีเรีย ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับสิงโตและเสือดาวแต่เวลาผ่านไปได้มีการวิวัฒนาการจนเริ่มมีลักษณะคล้ายแมวเมื่อ 10 ล้านปีก่อน ซึ่งลักษณะบางอย่างของแมวยังคงพบเห็นได้ในแมวบ้านปัจจุบัน

แมวเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เมื่อประมาน 9,500 ปีก่อน ซึ่งเห็นได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของแมวคือ การทำมัมมี่แมว ที่ค้นพบในสมัยอียิปต์โบราณ ชาวอียิปต์นับถือแมวเสมือนเป็นสัตว์เทพเจ้า เห็นจากการที่แมวได้รับเกียรติทำมัมมี่เช่นเดียวกันมัมมี่คน ซึ่งต้องเป็นเฉพาะราชวงส์หรือขุนนางเท่านั้น

เหตุที่ชาวอียิปต์โบราณนับถือแมวเป็นสัตว์เทพเจ้านั้น เพราะเมื่อประมาณ 4,000 กว่าปีก่อน ชาวอียิปต์ได้ประสบปัญหาข้าวถูกหนูทำลาย ชาวนาจึงได้นำแมวป่ามาฝึกใช้ในการจับหนูในโรงนา เมื่อหนูในโรงนาหมดไปยังเป็นผลให้ประชาชนมีอาหารอุดมสมบูรณ์ขึ้น อีกทั้งยังปราศจากโรคภัยที่เกิดจากหนูอีกด้วย ตั้งแต่นั้นแมวจึงได้ถือว่าเป็นสัตว์เทพเจ้าในยุคอียิปต์โบราณนั่นเอง ซึ่งเทพเจ้า 'Bastes' หรือ 'เทวีบัสเตต' ที่ชาวอียิปต์นับถือนั้นมีตัวเป็นคน แต่มีหัวใจเป็นแมว โดยเป็นตัวเทนแห่งความรักและความอุดมสมบูรณ์

มีคำกล่าวว่าแมวขยายพันธุ์ข้ามนำ้ข้ามทะเลไปทั่วโลกได้ก็เพราะชาวอียิปต์นั่นเอง ไม่เพียงแต่ชาวอียิปต์จะใช้จับหนูในโรงนาเท่านั้น แต่ยังใช้จับหนูบนเรือสินค้าอีกด้วยจึงมีความเชื่อว่าเมื่อเรือเทียบท่า แมวอาจจะติดลงมา เป็นเหตุให้มีแมวไปทุกแห่งหนทั่วโลก

แมวเป็นมากกว่าสัตว์เลี้ยงแก้เหงา

หยิ่งก็เท่านั้น ยโสก็เท่านี้ เอาแต่ใจก็เท่าโน้น 'ทาสแมว' ทั้งหลายเลยต้องคอยปรนนิบัติพัดวีเจ้าเหมียวประหนึ่งเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสัตว์โลกตัวเล็กๆตัวนี้ มีพลังอะไรบางอย่างที่ส่งอิทธิพลมาถึงมนุษย์ตัวใหญ่ๆอย่างเราได้อย่างคาดไม่ถึง...ลองมาดูกันว่าเจ้าเหมียวสี่ขาตัวน้อยๆเป็นอะไรได้อีกบ้าง นอกจากเป็นแมว!!

แมวเป็นยาวิเศษช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุข

เห็นร้องเหมียวๆไปวันๆแบบนี้ แต่แมวสามารถช่วยขจัดความรู้สึกหดหู่ ความกังวล  และความกดดันให้เบาบางลงได้ การได้เกาหรือลูบแมว การได้ยินเสียงกรนในลำคอช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ทำให้เราใจเย็นลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อจิตใจสงบ ระดับความดันเลือดและระดับคอเลสเตอรอลจะตำ่ลงด้วย
จากการวิจัยของศูนย์ศึกษาการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ ของมหาวิทยาลัยมิสซูรีพบว่า การเลี้ยงดูและเล่นกับแมวช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลน้อยลง และจากผลข้างต้นนี่เองที่ทำให้ความดันเลือดอยู่ในระดับที่สมดุล นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ระบุว่า แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ช่วยให้คนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลายากๆของชีวิตได้ และยังช่วยให้เรากลับสู่อารมณ์ปกติหลังจากผิดหวังได้เร็วขึ้น




แมวเป็นเพื่อนเล่นกับเด็กๆได้ดี

จากการศึกษาพบว่า 81 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่อาศัยอยู่กับแมวมักจะระบายความรู้สึกกับแมวมากกว่าเพื่อนหรือพ่อแม่ การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งควีนส์แลนด์ยังพบว่า แมวช่วยเด็กออทิสติกได้ โดยเด็กออทิสติกที่อยู่กับแมวมีแนวโน้มที่จะพูดคุย สบตา และยิ้ม มากกว่าเด็กออทิสติกทั่วไป นั่นเป็นเพราะความอ่อนโยนของแมวสามารถเข้ากับเด็กๆเหล่านี้ได้ดีนั่นเอง






คิดจะเลี้ยงเจ้าเหมียว...รู้จักกันดีหรือยัง

ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยงน้องแมวสักตัวหรือสักโขยง เราควรมาทำความรู้จักนิสัยใจคอบรรดาเจ้าเหมียวให้มากขึ้นกันอีกนิด นอกไปจากที่รู้กันอยู่แล้วว่าแมวเป็นสัตว์ชอบกินปลา (จริงๆแมวอาจไม่ได้ชอบกินปลากันทุกตัว) และเกลียดหนูเป็นชีวิตจิตใจ

-แมวมีลูกได้ครอกละ 3-7 ตัวและตั้งท้องได้ทุกๆ 4 เดือน โดยการตั้งท้องแต่ละครั้งจะใช้เวลา 62-65 วัน นับจากวันที่ผสมพันธุ์จนถึงวันคลอด และถ้าแมวเพศเมียได้ผสมพันธุ์กับแมวตัวผู้หลายตัวในการเป็นสัดครั้งหนึ่ง ลูกแมวในครอกนั้นอาจจะมีพ่อคนละพ่อก็ดี

-แมวมีสมองที่ใกล้เคียงกับคนมากกว่าสุนัขสมองของคนและแมวมีส่วนของสมองที่แสดงออกถึงอารมณ์ที่เหมือนกัน

-แมวทำเสียงแตกต่างกันได้ถึง 60 เสียงและชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเพราะผู้หญิงมีเสียงที่สูงกว่า

-แมวสามารถลอดช่องเล็กเท่าไหร่ก็ได้ทราบใดที่หัวของมันผ่านไปได้ เพราะแมวไม่มีกระดูกไหปลาร้า

-โดยเฉลี่ยแล้วแมวให้เวลา 2 ใน 3 ของชีวิตไปกันการนอน นั่นหมายถึงแมวที่มีอายุ 12 ปี เขาตื่นเพียง 4 ปีเท่านั้น






พฤติกรรมสุดป่วนของเจ้าเหมียวที่ทาสแมวต้องรู้

เขาว่ากันว่าแมวเป็นสัตว์ที่เอาแต่ใจในระดับมากถึงมากที่สุด ด้วยสีหน้านิ่งสนิท ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทำให้คาดเดาอารมณ์ได้ยาก ดังนั้น สิ่งเดียวที่จะทำให้เรารู้ได้ว่าเจ้าเหมียวกำลังคิดอะไรอยู่ก็คือการดูพฤติกรรมของมันนี่แหละ

หรี่ตาหลับตา
น้องแมวจะหรี่ตาเมื่อรู้สึกมีความสุข และหากมันหลับตาลงช้าๆนั่นหมายความว่าน้องแมวตัวนั้นรู้สึกไว้ใจเรามาก

นอนกลิ้งไปกลิ้งมา
เป็นสัญญาณไฟเขียวชวนให้เราเข้าไปเล่นด้วย

หันหลังและยกก้นขึ้นใส่หน้าเรา
มี 2 ทฤษฎีด้วยกันที่ได้วิเคราะห์พฤติกรรมอันแสนจะเซ็กซี่ของเจ้าเหมียวนี้ ทฤษฎีแรกบอกว่าเป็นการทักทายสำหรับแมว โดยเริ่มแรกจะเอาแก้มชนกันก่อน หลังจากนั้นจะเอาตัวถูไถกัน และสุดท้ายจะหันก้นให้ดมเป็นการ 'เซย์ เฮลโล' ของบรรดาน้องแมวนั่นเอง
อีกทฤษฎีบอกว่าเมื่อแมวยังเป็นเด็ก แม่แมวจะช่วยเลียก้นทำความสะอาดให้เพราะลูกแมวยังไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้จึงติดนิสัยหันก้นเชิญให้เราทำความสะอาดให้ นั่นหมายถึง น้องแมวไว้ใจเราเปรียบเสมือนแม่แมวที่คอยดูแลนั่นเอง

นอนขดตัวเป็นวงกลม
แมวต้องการรักษาความอบอุ่นของร่างกาย

นวด
เป็นพฤติกรรมที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กที่ลูกแมวจะนวดนมแม่เวลาดูดนม พอโตขึ้นมาแมวจะชอบนวดเจ้าของเพื่อแสดงให้เห็นว่าไว้ใจเรานั่นเอง

นอนเป็นก้อนแมว
แมวจะเก็บเท้าไว้ใต้ตัวเมื่อรู้สึกปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นการรักษาอุณหภูมิของร่างกาย เป็นสัญญาณที่ดีกว่าแมวปกติดี






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น